ในปัจจุบันนามสกุลโดเมนใหม่มีหลายร้อยรายการให้เราเลือกใช้ หลายบริษัทจึงถือโอกาสเปลี่ยนนามสกุลโดเมนใหม่ เพื่อให้ดูทันสมัยและเข้ากับปัจจุบันให้มากที่สุด ฉะนั้นวิธีที่เราจะสามารถย้ายโดเมนคือการกำหนดค่าชื่อโดเมน เพื่อส่งไปยังเว็บไซต์ที่ต้องการ (Domain Name Forwarding) แล้วทำการ Redirect โดเมนของเว็บไซต์ตนเองเพื่อเปลี่ยนเส้นทางชื่อโดเมน
การเปลี่ยนเส้นทางชื่อโดเมน (Redirect)
- เมื่อจดชื่อโดเมนใหม่ แล้วต้องการใช้กับเว็บไซต์ที่มีอยู่ของคุณ หรือคุณต้องการส่งต่อชื่อโดเมนใหม่ของคุณไปยังเว็บไซต์เก่าของคุณ
- ได้จดโดเมนหลายชื่อที่คล้ายกับชื่อโดเมนเว็บไซต์หลักของคุณ เพื่อให้ครอบคลุมเพื่อมีลูกค้าการสะกดผิด และส่วนขยายต่าง ๆ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเส้นทาง
- คุณต้องการ URL ที่สั้น น่าจดจำ และมีความเกี่ยวข้องเพื่อใช้บนโซเชียลมีเดีย
สามวิธีในการเปลี่ยนเส้นทางชื่อโดเมน
(1) Domain Name Forwarding– หลังจากพิมพ์ชื่อโดเมน A ผู้ใช้จะเห็นเนื้อหาของชื่อโดเมน B ที่แสดงใน IFRAME วิธีนี้จะเก็บชื่อโดเมน A ไว้ในแถบ URL
(2) Redirect 301 – เมื่อพิมพ์ชื่อโดเมน A แล้ว ผู้ใช้จะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังชื่อโดเมน B โดยอัตโนมัติ โดยมีชื่อโดเมน B แสดงในแถบ URL 301 direct พร้อมทั้งบอกเครื่องมือค้นหาว่า 'ชื่อโดเมน A ได้ย้ายไปยังชื่อโดเมน B อย่างถาวร โปรดอัปเดตข้อมูล'
(3) Redirect 302 – วิธีนี้คล้ายกับ Redirect 301 แต่เป็นการเปลี่ยนเส้นทางชื่อโดเมน แต่ข้อความสำหรับเครื่องมือค้นหาคือ 'โปรดอย่าอัปเดตเนื่องจากเป็นการย้ายชั่วคราว' เรามักใช้วิธีกับกรณีที่เราอยากส่ง User ไปเจอกับหน้า URL ใหม่แค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์ของฉัน
มีสถานการณ์มากมายที่ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางโดเมนหรือ URL ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อเว็บไซต์มากกว่าเดิม
การปิดบัง URL ช่วยให้คุณโฆษณาที่อยู่เว็บที่จำง่ายสำหรับเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะใช้ชื่อโดเมนที่คุณกำหนดเองหรืออยู่ในลำดับชั้น washington.edu เมื่อผู้เข้าชมใช้ที่อยู่นี้เพื่อไปที่เว็บไซต์ของคุณ พวกเขาจะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังที่อยู่เว็บจริงของเว็บไซต์ของคุณโดยอัตโนมัติ แต่จะเห็นที่อยู่เว็บที่จำง่ายในช่องตำแหน่งของเบราว์เซอร์